รีวิวซีรีส์ Prison Playbook ฟ้าพลิก ชีวิตยังต้องสู้ สำหรับใครที่กำลังรู้สึกหม่นหมองในชีวิต เราเชื่อว่าซีรีส์เรื่องนี้จะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับเราได้อย่างแน่นอน ซีรีส์นี้เชื่อว่า Prison Playbook แปลไทยได้ว่า ฟ้าพลิกชีวิตยังต้องสู้ เรื่องราวน่าสนใจ แถมการแสดงก็โดดเด่นอีกด้วย เราไปดูรีวิวกันดีกว่า ชื่อภาษาอังกฤษ Prison Playbook ชื่อไทย ฟ้าพลิกชีวิตต้องสู้ ผู้กำกับ ชิน วอนโฮ คนเขียนบท จองโบฮุน นักแสดงนำ พัค แฮซู , จองคยองโฮ, คริสตัล , ลิมฮวายอง , จองแฮอิน ออกฉายครั้งแรกเมื่อปี 2017 จำนวนตอน 16 ตอนละ 90 นาที ปัจจุบันฉายทาง Netflix
รีวิวซีรีส์ Prison Playbook ฟ้าพลิก ชีวิตยังต้องสู้
เรื่องราวเล่าถึงหนุ่มคนหนึ่งชื่อว่า คิม จีฮยอก เขาเป็นนักเบสบอลตำแหน่งฟิทเชอร์ ที่มีความสามารถระดับต้นของประเทศเลยทีเดียว ทงด้านกีฬาเขาเป็นเลิศ แต่การใช้ชีวิตเขาแทบจะเป็นศูนย์เลย อาจจะเพราะว่าต้องทุ่มชีวิตให้กับกีฬา เลยไม่เหลือเวลาทำอย่างอื่นมากนัก ตัวนักกีฬาคิมนั้น เดิมทีเป็นคนดี รักครอบครัว ประพฤติตนในทำนองคลองธรรมมาตลอด แต่แล้วเรื่องราวกลับพลิกผัน เมื่อน้องสาวของเขาที่เป็นคนเดียวในครอบครัวที่เหลืออยู่โดนรังแก นั่นจึงทำให้เขาอดรนทนไม่ได้ที่จะเข้าไปช่วย แม้ว่าการเข้าไปช่วยจะทำให้เขาต้องกลายเป็นคนผิดจนต้องเข้าไปอยู่ในคุกก็ตามที ซึ่งนั้นเป็นโลกใหม่ที่ตรงข้ามกับเขาอย่างสิ้นเชิงทีเดียว การเข้าไปอยู่ในคุก แน่นอนว่าด้วยเนื้อแท้ความคิดของเขา ทีนี่มันเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับเขาอย่างสิ้นเชิงเขาโดนรับน้อง ผ่านการรังแกมากมาย ยังโชคดีที่เขามี อีจุนโฮ เพื่อนของเขาคอยช่วยเหลืออยู่กลับกันสังคมในคุกก็สอนเข้า นักกีฬาคิม ได้เรียนรู้โลกมากขึ้น รู้จักสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า มนุษย์มากขึ้นตามลำดับไปด้วยจนกลายเป็นมิตรภาพกับกลุ่มเพื่อนใหม่ในคุกของเขาไป
อย่างแรกที่ต้องยกให้เลยก็คือ บท ของเรื่องนี้ที่เราว่าเขาทำออกมาดีมาก การได้เปิดเผยธาตุแท้ของมนุษย์แต่ละคนในเรื่องนี้คือที่สุด มันทำให้ได้เรียนรู้ความเป็นมนุษย์มากขึ้นจากเรื่องนี้ รูปลักษณ์ภายนอกกับธาตุแท้ของคนคนนั้นอาจจะแตกต่างกันสุดขั้วจนเราคาดไม่ถึงเลยก็เป็นได้ ซึ่งนี่คือแก่นหลักที่หนังพยายามจะสื่อให้เห็น หรือแม้แต่นักกีฬาคิม ที่เนื้อแท้เป็นคนดีมาก แต่หากถึงคราวที่จะต้องเอาตัวรอด เขาก็พร้อมจะยอมเปื้อนเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการเหมือนกัน เรียกว่าเป็นหนังที่ตีความมนุษย์ให้เป็นสีเทาได้อย่างยอดเยี่ยมทีเดียว ตัวหนังค่อนข้างจะนาน ตอนหนึ่งเกือบ 90 นาที นั่นทำให้เราอาจจะดูรวดเดียวไม่ไหว สัก 3 ตอนได้นี่ก็เก่งแล้วนะ บวกกับเนื้อเรื่องที่เดินไปค่อนข้างเนิบอาจจะทำให้ใครหลายคนดูไม่ไหว หลับคาจอไปซะก่อนได้
ทางด้านนักแสดง ต้องยอมรับว่า นักกีฬาคิม คือคนที่แบกหนังทั้งเรื่องเอาไว้ บวกกับ ปัญหาทุกอย่างมันเหมือนจะมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่เขา นั่นทำให้เขาต้องเล่นให้ขาดจริงไม่งั้นก็จบ แต่กลับไม่เป็นแบบนั้น นักกีฬาคิม ออกมาแต่ละครั้งถือว่าเล่นได้ดี แสดงบทบาทตามหน้าที่ของตัวเองทั้งในเวอร์ชั่นสีขาวคนดี และ สีเทาในตอนที่เขาต้องยอมทำผิดอะไรบางอย่างได้ดีเหมือนกัน นับว่าเป็นอีกหนึ่งผลงานการแสดงที่ควรยกย่อง แม้หลายคนอาจจะมองว่า นี่เป็นซีรีส์ที่ดูคล้ายกับภาพยนตร์ในตำนานอย่าง The Shawshank Redemption แต่เอาเขาจริงมันก็แค่เป็นแรงบันดาลใจเท่านั้นเอง ตัวซีรีส์ได้แสดงความเป็นตัวเองออกมาได้อย่างน่าสนใจทีเดียว เหมาะสำหรับใครที่กำลังจะตามหาซีรีส์ดูเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเอง
รีวิวซีรีย์ >> รีวิวซีรีส์
ซีรีส์ใหม่ >> Netflix